Skip to content

5 สัตว์เลี้ยงสุดน่ารักเหงาปากไม่เหงาในช่วง Work From Home

5สัตว์เลี้ยงน่ารัก

ดูหนัง ฟังเพลง เล่นเกม อ่านหนังสือ ปลูกต้นไม้ กิจกรรมแก้เบื่อในช่วง Work From Home อีกหนึ่งอย่างที่แก้เบื่อได้นั่นคือ สัตว์เลี้ยง เลือกสัตว์เลี้ยงน่ารักที่คุณชอบไม่ว่าจะเลี้ยงหมา เลี้ยงแมว เลี้ยงกระต่าย หรือจะเลี้ยงปลา

สัตว์เลี้ยงเป็นอีกคู่หูคลายเหงา ยิ่งในช่วงบรรยากาศการทำงานที่บ้าน การมีสัตว์เลี้ยงคอยมากวนใจ มาอ้อน ก็ทำให้เราลืมบางเรื่องราวที่เครียด หรือวิตกกังวลลงไปได้ เพียงแค่เลือกสัตว์เลี้ยงให้ตรงกับความชอบ กับ 5 สัตว์เลี้ยงสุดน่ารักเหงาปากไม่เหงาในช่วง Work From Home

1. เลี้ยงหมาอเมริกัน เอสกิโม

American Eskimo
American Eskimo

ประวัติของหมาสายพันธุ์อเมริกัน เอสกิโม

ในศตวรรษที่ 19 สหรัฐอเมริกา หมาสายพันธุ์เยอรมัน ที่มีชื่อว่า อเมริกัน เอสกิโม ถูกพบในกลุ่มผู้อพยพชาวเยอรมัน โดยอาจจะมีบรรพบุรุษมาจากเยอรมันสปิทส์ ปอมเมอร์เรเนี่ยนสีขาว อิตาเลี่ยนสปิทส์สีขาว และคีสอาวนด์สีขาว ซึ่งสุนัขพันธุ์นี้เป็นที่รู้จักอย่างรวดเร็วในชื่อที่ว่า อเมริกันสปิทส์

“ขนฟูสีขาวความหนาสองชั้น หูรูปทรงสามเหลี่ยม ศรีษะรูปลิ่ม หางม้วนเป็นลอนถึงหลัง” 

หมาสายพันธุ์อเมริกัน เอสกิโม เป็นที่นิยมในคณะละครสัตว์และการแสดงกลเกี่ยวกับสุนัขในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 เนื่องจากขนที่สวยงาม ความกระตือรือล้น และการฝึกฝนที่ดีเยี่ยม ทำให้หมาสายพันธุ์อเมริกัน เอสกิโม เป็นที่รู้จักเพิ่มมากขึ้นในวงกว้าง และได้รับการต้อนรับเข้ามาเป็นสัตว์เลี้ยงภายในครอบครัว

อเมริกัน เอสกิโม มีกี่ขนาด?

หมาสายพันธุ์อเมริกัน เอสกิโมมีอยู่ 3 ขนาด นั่นคือ ขนาดมาตรฐาน มิเนียเจอร์ และทอย หรือเรียกว่า สุนัขพันธุ์ตุ๊กตา สุนัขพันธุ์ขนาดเล็กและสุนัขพันธุ์ขนาดกลาง

บุคลิกของอเมริกัน เอสกิโม

หมาครอบครัวที่มีความจงรักภักดีและต้องการอยู่ใกล้กับเจ้าของ นั่นคือคำนิยามของหมาสายพันธุ์อเมริกัน เอสกิโม โดยลักษณะนิสัยเบื้องต้น จะมีความเฉลียว ความฉลาด บางเวลาอาจดื้อบ้าง เป็นหมานักเฝ้าระวังที่ดี จึงทำให้มีแนวโน้มที่จะเห่าเก่ง เข้าสังคมเก่งไม่แพ้คน กลับกันหากเป็นคนแปลกหน้า หากว่าเข้าหาอย่างถูกวิธี เอสกี้(อเมริกัน เอสกิโม)สามารถปรับตัวและยอมรับได้อย่างแน่นอน

หมาเอสกี้(อเมริกัน เอสกิโม) ความต้องการในการออกกำลังกาย ควรเน้นกิจกรรมที่หลากหลาย ลดปัญหาเบื่อง่ายของหมาที่จะเป็นทุกสายพันธุ์ หากละเลยอาจทำให้ดื้อรั้นและหนีออกจากบ้านได้

หมาสายพันธุ์อเมริกัน เอสกิโม ชอบแบบไหน?

หมาสายพันธุ์อเมริกัน เอสกิโม เข้าได้ดีกับหมา แมว แต่จำพวก กระต่าย นก และสัตว์เลื้อยคลาน ควรแยกออกจากกัน สัตว์เลี้ยงจะน่ารักได้ ควรทำความเข้าใจสัญชาตญาณและลักษณะความเป็นอยู่ของเขาก่อน

หมาสายพันธุ์อเมริกัน เอสกิโม ทำความเข้าใจได้ไม่ยาก เพราะสัตว์เลี้ยงทุกประเภทมีความเป็นตัวเองสูง จะต้องเริ่มจากการสังเกตพฤติกรรมในชีวิตประจำวัน บวกกับศึกษาข้อมูลความเป็นมาของแต่ละสายพันธุ์ด้วย เรียกได้ว่า “รู้เขา รู้เรา”

ด้วยเอสกี้(อเมริกัน เอสกิโม) มีขนที่หนาเพื่อป้องกันความหนาวเย็น ไม่ควรเลี้ยงให้อยู่ด้านนอก สถานที่ที่เหมาะสมนั่นคือ คำนิยามของ หมาสายพันธุ์อเมริกัน เอสกิโม โดยมีอายุเฉลี่ยอยู่ที่ 10 ถึง 15 ปี

2. เลี้ยงแมวสก๊อตทิช โฟลด์ (Scottish Fold)

Scottish fold
Scottish fold

ประวัติของแมวสก๊อตทิช โฟลด์

“หูพับมาทางด้านหน้า” นั่นคือแมวพันธุ์สก๊อตทิช โฟลด์ แมวสายพันธุ์สก็อตแลนด์ แมวยอดนิยมในการเลี้ยงมากที่สุดในโลก

แมวสก๊อตทิช โฟลด์ มีกี่ขนาด?

แมวพันธุ์สก๊อตทิช โฟลด์ แมวขนาดกลาง รูปร่างกะทัดรัด ลำตัวกลม ตัวผู้น้ำหนักสูงได้ถึง 5.8 กิโลกรัม

และตัวเมีย น้ำหนักประมาณ 2.7-4 กิโลกรัม

บุคลิกของแมวสายพันธุ์สก๊อตทิช โฟลด์

แมวสายพันธุ์สก๊อตทิช โฟลด์(Scottish Fold) มีความเฉลียวความฉลาด ชอบเล่นของเล่น เข้ากับเด็กๆ ได้ดี ชอบเล่นกับเจ้าของ เหมาะกับเจ้าของที่มีเวลามาเล่นด้วย

แมวสายพันธุ์สก๊อตทิช โฟลด์ เหมาะกับครอบครัวที่มีเด็กเล็ก และมีหมาที่เป็นมิตรกับแมว ความต้องการความสนใจ นั่นคือ สิ่งที่แมวสายพันธุ์สก๊อตทิช โฟลด์ต้องการ

แมวสายพันธุ์สก๊อตทิช โฟลด์ ชอบแบบไหน?

ต้องการพื้นที่สำหรับการเลี้ยงแมวสายพันธุ์สก๊อตทิช โฟลด์ พลังเยอะ พลังล้น ใช้เวลาไปกับวิ่งเล่น เจ้าของควรมีเวลามาเล่นกับแมวอย่างน้อย 10 – 15 นาทีต่อวัน

แมวสายพันธุ์สก๊อตทิช โฟลด์ แม้ว่าจะมีหูพับ แต่สามารถสื่อสารได้เต็มที่ เต็มประสิทธิภาพไม่ต่างจากแมวสายพันธุ์อื่น และท่านั่งที่เป็นลักษณะเฉพาะตัว นั่นคือ ท่านั่งพักพุง (อย่างกับเมียร์แคท) ทาสแมวเป็นอันต้องหลงใหลกับความน่ารักนี้

ของเล่นที่ดีที่สุด ของแมวสายพันธุ์สก๊อตทิช โฟลด์ นั่นคือการเล่นกับเจ้าของ เพราะแมวสก๊อตติช โฟลด์ ชอบอยู่กับคน ชอบเข้าสังคม ความเอาอกเอาใจ มีส่วนร่วมในทุกกิจกรรมที่คุณทำอยู่ แนะนำให้เลี้ยงแมวอีกตัวมาเป็นเพื่อนคลายเหงา เมื่อคุณไม่ว่างมาเล่นด้วย

การที่ได้นอนโง่ๆ กลิ้งไปมาหรือเข้ามาคลอเคลียเจ้าของหลังจากกลับบ้านมาเมื่อเจ้าของกลับมาบ้าน แมวสก๊อตติช โฟลด์ จะคาดหวังว่าเจ้าของจะมาเล่นด้วย ขอมานอนบริเวณปลายเท้า เพียงเท่านี้แมวสก๊อตทิช โฟลด์ ก็พึงพอใจแล้ว

ขนและสี ของแมวสายพันธุ์สก๊อตทิช โฟลด์

ขนแมวสายพันธุ์สก๊อตทิช โฟลด์ จะมีลักษณะขนสั้น นุ่ม ส่วนแมวขนยาวจะมีทั้งแบบยาวปานกลาง ขนยาวที่ปลายเท้า ปลายหาง ปลายหู และมีขนบริเวณรอบคอหนาอีกด้วย

สีของแมวสายพันธุ์สก๊อตทิช โฟลด์ มีทั้งสีขาว สีแดง สองสี หรือสามสี ส่วนสีตาของแมวสายพันธุ์สก๊อตทิช โฟลด์ จะมีสีตามสีขน หรือมีสีเดียวกันตลอดทั้งตัว

วิธีดูแลขนของแมวสายพันธุ์สก๊อตทิช โฟลด์ แปรงขนทำความสะอาด ขึ้นอยู่กับว่าขนแมวมีความสั้นหรือยาวมากเพียงใด อย่างน้อยสัปดาห์ละ 2 – 3 ครั้ง

สารอาหารของแมวสายพันธุ์สก๊อตทิช โฟลด์

สารอาหารที่แมวสายพันธุ์สก๊อตทิช โฟลด์ ต้องการนั่นคือ โปรตีน คาร์โบไฮเดรต ไขมัน วิตามิน และแร่ธาตุอื่นๆ ทั้งนี้ควรเลือกสัดส่วนที่เหมาะสมกับความต้องการของร่างกายแมวด้วย

โปรตีน : เพื่อสร้างเนื้อเยื่อที่เป็นโครงสร้างหลักของร่างกาย ในอาหารควรมีกรดอะมิโน

คาร์โบไฮเดรต : เพื่อเป็นแหล่งพลังงานในร่างกาย โดยเฉพาะใน เซลล์ประสาท เซลล์หัวใจ และเม็ดเลือดแดง สารอาหารจะต้องมีคุณภาพที่ดี ปริมาณที่อย่างเหมาะสม ป้องกันการเกิดโรคอ้วน

ไขมัน : เพื่อเป็นแหล่งพลังงานแก่ร่างกาย ไขมันช่วยในการดูดซึมวิตามิน และโอเมก้า 3 โอเมก้า 6 เสริมการทำงานของระบบห่อหุ้มร่างกาย ช่วยบำรุงผิวหนังและขนให้มีสุขภาพดี เงางาม และดวงตาสดใส ให้พลังงานได้สูงกว่าโปรตีนและคาร์โบไฮเดรต

วิตามิน และแร่ธาตุ : จะต้องได้รับอย่างเพียงพอต่อการทำงานของร่างกาย ได้แก่ แคลเซียม ฟอสฟอรัส และวิตามินบี

ปัญหาช่องหูกับแมวพันธุ์สก๊อตทิช โฟลด์

ปัญหาช่องหู กับแมวสายพันธุ์สก๊อตทิช โฟลด์ ด้วยโครงสร้างของใบหูที่พับปิดลงมา มีโอกาสเกิดช่องหูอักเสบได้ เนื่องจากการสะสมของสิ่งสกปรกในช่องหู เจ้าของควรใส่ใจในการดูแลความสะอาดเป็นพิเศษ ป้องกันการเกิดแบคทีเรียในช่องหูของแมวสายพันธุ์นี้

3. เลี้ยงกระต่ายสายพันธุ์ฮอลแลนด์ ลอป (Holland Lop)

Holland Lop
Holland Lop

ประวัติของกระต่ายสายพันธุ์ฮอลแลนด์ ลอป

กระต่ายสายพันธุ์ฮอลแลนด์ ลอป (Holland Lop) เกิดจากการผสมข้ามสายพันธุ์ระหว่าง กระต่ายสายพันธุ์เฟรนซ์ ลอป (French Lop) กับ เนเธอแลนด์ ดวอร์ฟ (Natherland Dwarf) โดยนักพัฒนาพันธุ์กระต่าย ชาวเนเธอแลนด์ 

บุคลิกของกระต่ายสายพันธุ์ฮอลแลนด์ ลอป

กระต่ายสายพันธุ์ฮอลแลนด์ ลอป จะต้องมี หัวกลมโต กล้ามเนื้อหนาแน่น ลำตัวสั้นกระทัดรัด สมส่วน ขาสั้น ขนนุ่มลื่น ใบหูทั้งสองข้างต้องตกแนบสนิทกับแก้ม หนาและมีขนขึ้นเต็ม ใบหูยาวเลยจากคางไม่เกิน 1 นิ้ว อยู่ในระดับพอดีกับหัวและลำตัว

– ตัวผู้น้ำหนักอยู่ประมาณ 1.6 กิโลกรัม

– ตัวเมียน้ำหนักอยู่ประมาณ 1.7 กิโลกรัม

สีของ กระต่ายสายพันธุ์ฮอลแลนด์ ลอป

กระต่ายสายพันธุ์ฮอลแลนด์ลอป แบ่งออกเป็นกลุ่มสีต่างๆ ได้ 7 กลุ่ม

1.กลุ่มอะกูติ (Agouti)

2. กลุ่มสีขาวแต้ม (Broken)

3. กลุ่มสีขาวมีมาร์กกิ้งแปดแต้ม (Pointed White)

4. กลุ่มสีพื้น (Self)

5. กลุ่มสีเฉด (Shaded)

6. กลุ่มสีพิเศษ (Ticked)

7. กลุ่มสีอื่นๆ (Wide Band) และล่าสุดกับกลุ่มกลุ่มสร้อยทอง หรือออตเตอร์

4. เลี้ยงปลาทอง(Goldfish)

Goldfish
Goldfish

ประวัติของปลาทอง

ปลาทองมีถิ่นกำเนิดในประเทศจีนและญี่ปุ่น ต่อมาถูกนำไปเลี้ยงในยุโรปในศตวรรษที่ 17 สีที่หลากหลายไม่ว่าจะเป็น สีแดง สีทอง สีส้ม สีเทา สีดำ และสีขาว แม้กระทั่งปลาทองสารพัดสีในตัวเดียวกัน ปลาทองมีชีวิตอยู่ตามแหล่งธรรมชาติ จนกระทั่งมีชาวจีนจับมาเลี้ยงตามบ่อ

บุคลิกของปลาทอง

ปลาทอง ปลากินพืช และแมลง มีรูปร่างอ้วน ป้อม มีเกล็ดแบบบางเรียบ ครีบอกกลมแบน ครีบหางเป็นรูปพัด สามารถกินอาหารได้ตลอดทั้งวัน ตัวผู้เมื่อถึงฤดูผสมพันธุ์ สังเกตได้จากจะมีตุ่มสิวขึ้นตามครีบอก และใบหน้า ปลาตัวท้อง ช่องท้องจะอูมเป่งออกมา วางไข่ตามพืชน้ำ ใช้เวลาฟักตัวประมาณ 2 วัน

สายพันธุ์ของปลาทอง

สายพันธุ์ของปลาทอง มีไม่ต่ำกว่า 100 สายพันธุ์ บางสายพันธุ์อาจหายสาบสูญไปตามกาลเวลา  โดยสายพันธุ์แรกที่มีการเลี้ยงคือ ฮิฟุนะ ซึ่งมีรูปร่างเหมือนปลาทองดั้งเดิมในธรรมชาติ แต่ว่ามีสีทอง ต่อมาก็ถูกพัฒนาจนกลายเป็นปลาทองที่มีหาง 3 แฉก เรียกว่า วากิ้น และจากวาคิ้นก็ถูกพัฒนาจนกลายมาเป็นปลาทองหาง 4 แฉก คือ จิกิ้น จนในที่สุดก็กลายมาเป็นริวกิ้นในที่สุด

“สายพันธุ์ปลาทองที่มีชื่อว่า มารุโกะ เป็นบรรพบุรุษของปลาทองสายพันธุ์หัวสิงห์ และสายพันธุ์เดเมกิ้น เป็นบรรพบุรุษของปลาทองสายพันธุ์ตาโปน”

ปลาทองกับลักษณะที่แตกต่าง

1. กลุ่มที่มีลำตัวแบนยาว : ฟุนะ, ฮิบุนะ, โคเมท, ชูบุงกิ้น, วากิ้น, วาโตไน ลำตัวแบนข้าง ครีบหางเดี่ยว(ยกเว้นวากิ้นซึ่งมีครีบหางคู่) ปลาทองในกลุ่มนี้มักจะว่ายน้ำได้รวดเร็ว ปราดเปรียว เจริญเติบโตได้เร็วกว่าและทนทานต่อโรคต่างๆ

2. กลุ่มที่มีลำตัวกลมหรือรูปไข่ : แบ่งออกได้เป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มที่มีครีบหลัง ริวกิ้น, ออรันดา, เกล็ดแก้ว, ลักเล่ห์ แพนด้า, เดเมกิ้น, โทะซะกิน และกลุ่มที่ไม่มีครีบหลัง สิงห์จีน, สิงห์ญี่ปุ่น, สิงห์ดำตามิด, รันชู, ลูกโป่ง, ตากลับ เป็นกลุ่มที่ว่ายน้ำได้ไม่ดี

ความเชื่อกับการเลี้ยงปลาทอง

ตามหลักฮวงจุ้ย ส่วนใหญ่จะเลี้ยงปลาเป็นจำนวน 9 ตัว ปลาสีแดง 1 ตัว ปลาสีดำ 1 ตัว ร่วมกับปลาสีอื่น เลี้ยงปลาทองแล้วจะเกิดโชคลาภ ชาวจีนเชื่ออย่างนี้

5. เลี้ยงหนูแฮมสเตอร์ (Hamster)

hamster
hamster

ประวัติของหนูสายพันธุ์แฮมสเตอร์

หนูสายพันธุ์แฮมสเตอร์ เป็นสัตว์เลี้ยงที่กระจายพันธุ์ในทะเลทรายของภูมิภาคตะวันออกกลาง เอเชียกลาง และเอเชียตะวันออก ถูกค้นพบครั้งแรกในศตวรรษที่ 19 กลางทะเลทรายซีเรียน และถูกนำมาเป็นสัตว์เลี้ยงครั้งแรกเมื่อปี 1930 ที่สหรัฐอเมริกา

“แฮมสเตอร์” (Hamster) มาจากภาษาเยอรมัน แปลว่า “กระพุ้งแก้ม” เพราะแฮมสเตอร์มีกระพุ้งแก้ม ใช้สำหรับเก็บอาหารได้มาก เทียบเท่ากับมนุษย์หนึ่งคนที่เก็บอาหารน้ำหนักถึง 70 ปอนด์

หนูแฮมสเตอร์ สัตวเลี้ยงจอมพลัง

หนูแฮมสเตอร์และแฮมสเตอร์แคระ อาหารโปรดคือเมล็ดพืช เมล็ดดอกทานตะวัน แฮมสเตอร์เป็นสัตว์ที่แพร่พันธุ์ได้เร็วมาก ตัวเมียเข้าสู่วัยเจริญพันธุ์เมื่ออายุได้เพียง 2-3 เดือนเท่านั้น แฮมสเตอร์เป็นสัตว์เลี้ยงที่ชอบออกกำลังกายมาก แต่ละคืนแฮมสเตอร์สามารถวิ่งได้ไกลถึง 30 ไมล์ อายุแฮมสเตอร์ที่เหมาะสมจะอยู่ที่ช่วง 4 สัปดาห์ และมีลักษณะที่ดูสะอาดทั่วทั้งลำตัว

ขนาดของหนูแฮมสเตอร์

แฮมสเตอร์รัสเชียน แคมเบลล์ กับวินเทอร์ ไวท์ รัสเชียน จะอยู่ที่ประมาณ 3 นิ้ว, ซีเรียนแฮมสเตอร์ เลือกขนาดที่เล็กกว่า 5-7 นิ้ว, โรโบรอฟสกี้ ควรเล็กกว่า 2 นิ้ว และไชนีสแฮมสเตอร์ ควรเล็กกว่า 4-5 นิ้ว

หนูแฮมสเตอร์กับโลกส่วนตัว

พบกันครั้งแรก เจ้าของมีหน้าที่แค่เติมอาหาร เติมน้ำ ปล่อยให้แฮมสเตอร์ได้ปรับตัวให้เคยชินกับสถานที่ใหม่ อย่าเพิ่งเข้าไปยุ่ง อย่างน้อย 2-3 วัน นอกจากนี้ควรเล่น และให้แฮมสเตอร์พักผ่อนเป็นเวลาตามวงจรชีวิตหากเป็นไปได้ก็ไม่ควรให้คนอื่นเล่น เพราะแฮมสเตอร์จะคุ้นกับมือเจ้าของคนเดียวเท่านั้น

สารอาหารของหนูแฮมสเตอร์

แครอท แตงกวา แอปเปิล และมะเขือเทศ โดยให้อาหาร 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์

เป็นอย่างไรกันบ้างสำหรับ 5 สัตว์เลี้ยงสุดน่ารักเหงาปากไม่เหงาในช่วง Work From Home โดนใจน้องๆสัตว์เลี้ยงตัวไหนกันบ้าง การจะดูแลใครสักคน จะต้องทำความเข้าใจความเป็นอยู่ของเขาก่อน เพื่อการอยู่ร่วมกันได้อย่างมีความสุข